สวัสดีครับ ผมขอนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดในวงการอุตสาหกรรมที่จะยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานของท่านให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น นั่นคือระบบ Predictive Maintenance จาก Banner Engineering
ท่านเคยประสบปัญหาเครื่องจักรหยุดทำงานโดยไม่คาดคิดหรือไม่? ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกระบวนการผลิต ทั้งในแง่ของเวลาและต้นทุน แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเรามีโซลูชันที่จะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ Condition Monitoring (ทำหน้าที่เสมือนผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวังสุขภาพของเครื่องจักรตลอด 24 ชั่วโมง) ของเราใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยจาก Banner Engineering โดยเป็นกระบวนการที่สำคัญในการบำรุงรักษาและการจัดการทรัพยากรภายในโรงงาน เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดเวลาการเสียการผลิต (downtime) ระบบนี้ประกอบด้วยการติดตั้งเซนเซอร์ต่างๆ โดยเฉพาะ Vibration & Temperature Sensors เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ โดยการเชื่อมต่อระหว่างเซนเซอร์กับชุดควบคุม (Asset Monitoring Gateway) สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบต่อสาย (Modbus RTU) และแบบไร้สาย (ฺBanner Protocol)
- เซนเซอร์ตรวจจับการสั่นสะเทือนและอุณหภูมิ (Vibration & Temperature Sensors)
- ติดตั้งบนเครื่องจักรสำคัญ เช่น ปั๊ม พัดลมระบายอากาศ ระบบ HVAC คอมเพรสเซอร์ เกียร์บ็อกซ์ และแกนหมุน
- ตรวจวัดการสั่นสะเทือนและอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง
- ใช้อัลกอริทึมอัจฉริยะในการวิเคราะห์ค่าปกติและผิดปกติ
- Asset Monitoring Gateway
- ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากเซนเซอร์ทั้งหมด
- มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความผิดปกติ
- รองรับการแสดงผลแบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์
- ระบบการวิเคราะห์และรายงานผล
- แสดงข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายผ่านแดชบอร์ด
- มีฟังก์ชันการวิเคราะห์แนวโน้มและการคาดการณ์
- สามารถส่งออกรายงานเพื่อการวิเคราะห์เชิงลึก
- ลดต้นทุนการบำรุงรักษา:
- ป้องกันความเสียหายรุนแรงด้วยการตรวจจับปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น
- ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฉุกเฉิน
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต:
- ลดเวลาหยุดการผลิตที่ไม่ได้วางแผนไว้
- เพิ่มอัตราการใช้งานเครื่องจักร (Machine Utilization)
- ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์:
- บำรุงรักษาอย่างเหมาะสมตามสภาพการใช้งานจริง
- ลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
- เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน:
- ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของเครื่องจักร
- สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ติดตั้งและใช้งานง่าย:
- เซนเซอร์ขนาดกะทัดรัด ติดตั้งได้ทั้งแบบแม่เหล็กและแบบสกรู
- ระบบ Plug-and-Play ไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน
- ความยืดหยุ่นสูง:
- รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- สามารถขยายระบบได้ตามความต้องการ
- เทคโนโลยี Machine Learning:
- ใช้ AI ในการวิเคราะห์และคาดการณ์สถานะของเครื่องจักร
- ปรับปรุงความแม่นยำในการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
- ความทนทานสูง:
- ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
- ทนต่อฝุ่น ความชื้น และอุณหภูมิสูง
เซนเซอร์ตรวจจับการสั่นสะเทือนและอุณหภูมิ (Vibration & Temperature Sensors) จาก Banner Engineering เป็นอุปกรณ์หลักในระบบ Condition Monitoring ที่ใช้ในการตรวจสอบการสั่นสะเทือนและอุณหภูมิของเครื่องจักร (Pumps, Exhaust fans, HVAC, Compressors, Gear boxes และ Spindles) ว่าค่าที่วัดออกมาได้ยังคงอยู่ระดับปกติอยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายและการหยุดชะงักของการผลิตโดยไม่ได้คาดคิด
- ความแม่นยำสูง: เซนเซอร์มีความสามารถในการตรวจจับการสั่นสะเทือนที่ละเอียดแม่นยำ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
- Machine Learning: มีระบบช่วยวิเคราะห์เทรนด์ และคาดการณ์ประสิทธิภาพของมอเตอร์แต่ละจุด
- การเชื่อมต่อ: สามารถทำได้ทั้งแบบเดินสาย (wired) และไร้สาย (wireless)
- ทนทาน: ออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่หนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ความชื้น หรืออุณหภูมิสูง
- ติดตั้งง่าย: เซนเซอร์มีขนาดเล็กกะทัดรัด ติดตั้งง่ายด้วยตัวยึดแบบแม่เหล็ก และแบบขันสกรู
- รองรับอุปกรณ์เสริม: Current Transformer เพื่อตรวจวัดกระแสไฟ
Asset Monitoring Gateway จาก Banner Engineering เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ ในระบบ Condition Monitoring โดยมีเทคโนโลยีสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ SNAP ID, Cloud ID และ VIBE-IQ
- SNAP ID (Sensor Network Auto-Provisioning Identification) SNAP ID เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การติดตั้งและตั้งค่าเซนเซอร์ทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- ระบบอัตโนมัติในการรู้จำเซนเซอร์: Gateway สามารถระบุประเภทและคุณสมบัติของเซนเซอร์ที่เชื่อมต่อได้โดยอัตโนมัติ
- การแปลงหน่วยอัตโนมัติ: แปลงข้อมูลดิบจากเซนเซอร์เป็นหน่วยวัดที่เข้าใจง่าย เช่น แรงดัน กระแสไฟฟ้า
- รองรับเซนเซอร์หลากหลายประเภท: สามารถเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ได้มากถึง 20 ตัว ครอบคลุมการวัดค่าต่างๆ เช่น การสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ความชื้น กระแสไฟฟ้า แรงดัน และระดับของเหลว
- Cloud ID (Cloud Integration and Device Management) Cloud ID เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการจัดการอุปกรณ์และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์
- การรู้จำอุปกรณ์อัตโนมัติ: Gateway สามารถระบุและตั้งค่าเซนเซอร์ไร้สายได้โดยอัตโนมัติ
- สร้างแดชบอร์ดอัตโนมัติ: สร้างหน้าแสดงผลข้อมูลบนคลาวด์โดยอัตโนมัติตามประเภทของเซนเซอร์ที่เชื่อมต่อ
- รองรับเซนเซอร์ไร้สายจำนวนมาก: สามารถเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ไร้สายได้มากถึง 40 ตัว
- การจัดการระยะไกล: สามารถตั้งค่าและจัดการอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ได้
- VIBE-IQ (Vibration Intelligence and Quick Analysis) VIBE-IQ เป็นเทคโนโลยี Machine Learning ที่ช่วยในการวิเคราะห์การสั่นสะเทือนของเครื่องจักรอย่างชาญฉลาด
- การเรียนรู้อัตโนมัติ: ระบบจะเรียนรู้รูปแบบการสั่นสะเทือนปกติของเครื่องจักรแต่ละตัว
- การตั้งค่าเกณฑ์แจ้งเตือนอัตโนมัติ: กำหนดค่าขีดจำกัดสำหรับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการตั้งค่า
- การวิเคราะห์แนวโน้ม: ติดตามการเปลี่ยนแปลงของการสั่นสะเทือนเพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- การแจ้งเตือนอัจฉริยะ: ส่งการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบความผิดปกติ พร้อมระบุความรุนแรงของปัญหา
การทำงานร่วมกันของ SNAP ID, Cloud ID และ VIBE-IQ ช่วยให้ Asset Monitoring Gateway สามารถจัดการระบบ Condition Monitoring ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่การติดตั้งที่ง่ายดาย การจัดการข้อมูลบนคลาวด์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ที่แม่นยำ
- การวางแผนและออกแบบระบบ:
- วิเคราะห์ความต้องการและกำหนดจุดติดตั้งเซนเซอร์
- เลือกประเภทของเซนเซอร์และ Gateway ที่เหมาะสม
- การติดตั้งอุปกรณ์:
- ติดตั้ง Vibration Sensors บนเครื่องจักรที่ต้องการตรวจสอบ
- ติดตั้ง Asset Monitoring Gateway ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- การตั้งค่าระบบ:
- เชื่อมต่อ Sensors เข้ากับ Gateway (สูงสุด 20 ตัวสำหรับ SNAP ID หรือ 40 ตัวสำหรับ Cloud ID)
- ตั้งค่า Gateway เพื่อเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายและคลาวด์
- การทดสอบและปรับแต่ง:
- ทดสอบการทำงานของระบบ
- ปรับแต่งค่าการแจ้งเตือนและการรายงานผล
- การฝึกอบรมและการใช้งาน:
- อบรมผู้ใช้งานให้เข้าใจการทำงานของระบบและการแปลผลข้อมูล
- สร้างแนวทางปฏิบัติสำหรับการตอบสนองต่อการแจ้งเตือนต่างๆ
- การติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง:
- วิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับปรุงการตั้งค่าและกลยุทธ์การบำรุงรักษาตามผลลัพธ์ที่ได้
- ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์:
- ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและให้บริการระบบ Condition Monitoring
- มีประสบการณ์ในการทำงานกับหลากหลายอุตสาหกรรม
- โซลูชันที่ครบวงจร:
- ให้บริการตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย
- สามารถปรับแต่งโซลูชันให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละโรงงาน
- การสนับสนุนทางเทคนิค:
- มีทีมสนับสนุนทางเทคนิคที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
- ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
- การฝึกอบรมและพัฒนา:
- จัดหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะของทีมงานของลูกค้า
- อัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ความน่าเชื่อถือของแบรนด์:
- เป็นออฟฟิสทางการของ Banner Engineering
- มีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
สนใจปรึกษาเกี่ยวกับระบบ Condition Monitoring โดยไม่มีค่าใช้จ่าย? เพียงแอด
LINE OA @turckbanner แล้วทักมาคุยกับเรา ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำและช่วยคุณออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโรงงานของคุณ
การลงทุนในระบบ Predictive Maintenance ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาในระยะยาว แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากระบบ คุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรม 4.0
มาเริ่มต้นการบำรุงรักษาแบบชาญฉลาดกันเถอะ! ผมเชื่อว่าระบบ Predictive Maintenance จาก Banner Engineering จะช่วยยกระดับการดำเนินงานของโรงงานคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่อย่างมั่นใจ
ตัวอย่างความผิดปกติของมอเตอร์ต่างๆที่สามารถตรวจสอบได้ล่วงหน้าจากระบบ Condition Monitoring
ข้อมูลดิบที่วัดได้จากเซนเซอร์ Banner Vibration & Temperature QM30 series
- ความเร็วการสั่นแนวแกน X (m/s)
- ความเร็วการสั่นแนวแกน Z (m/s)
- ความเร่งการสั่นแนวแกน X (m/s2)
- ความเร่งการสั่นแนวแกน Z (m/s2)
- องศาอุณหภูมิ (c)
รูปแบบการเชื่อมต่อสัญญานระหว่างเซนเซอร์และชุดควบคุม
- VIBE & TEMP Sensors (QM30 series) จะถูกติดตั้งเข้าไปที่มอเตอร์แต่ละตัว
- สำหรับมอเตอร์ที่อยู่ใกล้กัน Sensors สามารถลากสายเชื่อมกันได้ (มากสุด 6 ตัวต่อ 1 Wireless Nodes)
- Wireless Node แต่ละตัวจะส่งสัญญานไปที่ Wireless Controllers
- สามารถเพิ่ม Wireless Nodes เป็น Signal Repeater เพื่อขยายสัญญานได้
- Wireless Controllers สามารถรวมข้อมูลส่งให้กับ PLC, SCADA, Laptop หรือ Cloud Network เพื่อสำหรับดูสถานะมอเตอร์แต่ละตัวได้
วีดีโอสาธิตระบบ VIBE เบื้องต้น